วิตามิน อะไรบ้างที่นิยมใช้ใน เครื่องสำอาง

การเลือกซื้อ เครื่องสำอาง ควรอ่านสลากที่ติดอยู่ที่กล่อง หรือ ขวดของ เครื่องสำอาง ค่ะ ซึ่งนอกจากจะบอกรายละเอียดชื่อ และ สรรพคุณของ เครื่องสำอาง แล้ว ยังบอกถึงส่วนประกอบต่างๆ ของ เครื่องสำอาง นั้นๆ รวมทั้งวันที่ผลิต ผู้ผลิต และ ผู้จัดจำหน่าย เครื่องสำอาง

ส่วนประกอบของ เครื่องสำอาง มีความสำคัญมากค่ะที่จะบอกให้เรารู้ว่า เครื่องสำอาง นั้นๆ มีสรรพคุณดีจริงอย่างคำโฆษณาหรือเปล่า

เรามาทำความรู้จัก วิตามิน ต่างๆ ที่นิยมใช้ในเครื่องสำอาง กันค่ะ

วิตามินอี  ที่ใช้ในการผสม เครื่องสำอาง คือ tocopheryl acetate จะเป็นน้ำข้นเหนียวๆ เหลืองเข้มออกสีอ่อนๆ และออกฤทธิ์ได้ดี เมื่ออุณหภูมิของผลิตภัณฑ์ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส และควรมีpH ประมาณ 3.5-8

 

คุณสมบัติของวิตามินชนิดนี้

เครื่องสำอาง บำรุงผิว เครื่องสำอาง แต่งหน้า เครื่องสำอาง เส้นผม วิตามินอี เป็น วิตามิน คุ้มกันความชรา และยังสามารถทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น โดยการผสม วิตามินอี 1-25% จะสามารถทำให้น้ำใต้ผิวหนังไม่ระเหยออกไป จึงมองดูผิวเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่นซึ่งถ้าสามารถเตรียมให้ได้ฤทธิ์ดังกล่าวแล้ว ก็คงจะทำให้หน้าผากไม่ย่น ตีนกาไม่เกิด ผิวที่แขนและอกเรียบเนียน จึงมี วิตามินอี ขายตามท้องตลาดมากมา ราว ๆ 10 กว่าปีแล้ว

นอกจากนี้ วิตามินอี กระตุ้นให้บาดแผลหายเร็ว ดังนั้นเมื่อมีรอยถลอกหรือมีบาดแผล และเริ่มหายแล้ว การทาวิตามินอี จะช่วยให้แผลตื้น และ ไยคอลลาเจน สร้างสะสมออกมาป้องกันแผลเป็นอีกด้วย ฤทธิ์ที่สำคัญอีกอย่างของวิตามินชนิดนี้ คือ ลดอาการแดง ลดอาการบวมจากการอักเสบ ลดการหลั่งสารฮีสตามีน ซึ่งสารนี้ทำให้เกิดอาการคันภายหลังถูกยุงกัด หรือการระคายผิว ดังนั้นผู้ที่ทา ครีมผสมวิตามิน ชนิดนี้ ควรจะคันน้อยลง หรือไม่คันเมื่อถูกยุงกัด

การ ทาวิตามินอี ลงบนผิว จะถูกดูดซึมผ่านชั้นขี้ไคล หนังกำพร้า หนังแท้ ต่อมขนและต่อมไขมัน ลงไปสะสมอยู่ในส่วนต่างๆ นี้ ประมาณ 4-6 ชั่วโมง แล้วสลายตัวไป

ผลิตภัณฑ์ทาผิว เมื่อผสม วิตามินอี แล้ว จะทำให้ผิวหนังชุมชื้น อ่อนนุ่ม แก่ช้า ถ้าผสมลงในยากันแดด จะทำให้ยากันแดด มีคุณสมบัติป้องกันแดดได้มากขึ้นกว่าเดิม

วิตามินเอ มีผลต่อผิวพรรณมาก ทั้งชนิดรับประทานและชนิดทา แต่ชนิดทานั้นก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากเท่า วิตามินอี นักเคมีนำวิตามิน ชนิดนี้มาผสมในครีมทาผิว เพราะจะช่วยให้ผิวหนาและคงทนต่อการระคายเคือง จากแดด และสิ่งต่าง ๆ นอกจากยังทำให้การยืดหยุ่นของผิวดีขึ้น แผลเป็นมีโอกาสได้น้อยภายหลังการเกิดบาดแผล